สภาสังคมสงเคราะห์ฯ จัดโครงการฝึกอบรมเชฟจิตอาสาทำความดีด้วยหัวใจ

สภาสังคมสงเคราะห์ฯ จัดโครงการฝึกอบรมเชฟจิตอาสาทำความดีด้วยหัวใจ

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ จัดโครงการฝึกอบรมเชฟจิตอาสาทำความดีด้วยหัวใจ สภาสังคมสงเคราะห์ฯ

วันนี้(26 พ.ค.)ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต 

พลเอกสิงหา เสาวภาพ ประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมเชฟอาสาทำความดีด้วยหัวใจ สภาสังคมสงเคราะห์ฯ มีพ่อครัว แม่ครัว ผู้มีทักษะในการประกอบอาหารหรือผู้ที่มีความสนใจในการประกอบอาหาร ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน เข้าร่วมคณะกรรมการฝ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ สภาสังคมสงเคราะห์ฯ ร่วมกับมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ ได้จัดโครงการดังกล่าว โดยน้อมนำพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระเมตตา พระราชทานโครงการจิตอาสา “เราทำความดีด้วยหัวใจ” ให้ประชาชนชาวไทยมีจิตอาสา บำเพ็ญสาธารณประโยชน์แก่สังคม และในการอบรมนี้ได้เล็งเห็นความสำคัญของการจัดทำครัวเคลื่อนที่ เพื่อให้มีคุณภาพงานบริการด้านอาหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

การทำอาหารที่สดใหม่ สะอาด และทำให้รสชาติดีได้นั้น ต้องอาศัยการปรุงโดยพ่อครัวและแม่ครัวที่มีประสบการณ์สูง รวมไปถึงการจัดสรรอาหารเมื่อต้องแจกให้ผู้มาใช้บริการ การจัดสรรผู้ใช้บริการให้เป็นระเบียบระหว่างการแจกอาหาร ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์อย่างยิ่ง จึงได้จัดโครงการฝึกอบรมเชฟอาสาทำความดีด้วยหัวใจ สภาสังคมสงเคราะห์ฯ โดยการสนับสนุนจากโครงการสลากการกุศล ขึ้น เพื่อให้อาสาสมัครได้มีความรู้เฉพาะทาง สามารถให้บริการครัวเคลื่อนที่ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การชมวีดิทัศน์ ความเป็นมา “เชฟอาสาทำความดีด้วยหัวใจ” การบรรยาย การจัดการครัวเคลื่อนที่ การแบ่งกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และพิธีมอบวุฒิบัตรแก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม

นายชัชวาล อรรถฐีโสต ประธานชมรมเชฟจิตอาสา กล่าวถึงความเป็นมาของครัวเชฟจิตอาสาว่า เชฟจิตอาสาเริ่มต้นขึ้นจากงานพระราชพิธีพระบรมศพในหลวง ร.9 ณ ท้องสนามหลวง เป็นระยะเวลาปีกว่า หลังจากงานพระบรมศพผ่านไป ก็เริ่มรวมเชฟทั้งหมด ภายใต้การสนับสนุนของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ นำเชฟจิตอาสาที่มีการรวมตัวกัน ช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ อย่างกรณีเหตุการณ์ ขุนน้ำนางนอน และพายุปาบึก ที่ผ่านมา จึงมีแนวคิดที่จะทำเชฟจิตอาสาขึ้นในแต่ละภูมิภาค ในขณะเดียวกัน ทางผู้ใหญ่ก็เล็งเห็นว่าทำอย่างไรให้เป็นกลุ่มก้อนชัดเจน จึงเป็นที่มาของการจัดโครงการฝึกอบรมเชฟอาสาทำความดีด้วยหัวใจ สภาสังคมสงเคราะห์ฯ นำร่องในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน มีเชฟจิตอาสา เข้าร่วม ประมาณ 100 คน

ในการจัดอบรม เราจะมาอธิบายเรื่องการตั้งโรงครัว ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เวลามีเหตุการณ์ภัยพิบัติต่างๆ เกิดขึ้น ลักษณะการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยของครัวเชฟจิตอาสา ทางส่วนกลางก็จะมีการประสานงานเชฟแต่ในพื้นที่ ว่ามีใครหรือหน่วยงานใดไปเยียวยาช่วยเหลือแล้วหรือยัง ถ้ายังก็จะส่งคนลงไป ตรงไหนดูแลไม่ทั่วถึงเราก็จะเข้าไปก่อน ส่วนกลางเป็นแนวหน้า นำอุปกรณ์ รถ เครื่องครัวพร้อม มีอุบัติเหตุอุบัติภัยใหญ่พร้อมสแตนบายได้ทันที

สรุปลำดับเหตุการณ์ “เพลิงไหม้แหลมฉบัง” โป๊ะแตกสารเคมีซุกตู้คอนเทนเนอร์ สู่การสืบสาวหาต้นตอ

เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2562 เวลาประมาณ 11 นาฬิกา เกิดเหตุเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ท่าเรือแหลมฉบัง บริเวณท่าเทียบเรือ เอ 2 เขตท่าเรือแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จาก เรือบรรทุกสินค้า KMTC HONGKONG ผลจากเพลิงไหม้ทำให้เกิดกลุ่มควันจำนวนมาก และเมื่อตรวจค่าคุณภาพอากาศในเบื้องต้น พบว่ามีค่าสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (Total VOCs) อยู่ในช่วง1.2-2.4 ppm ค่าสารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) อยู่ในช่วง 0.92-1.96 ppm เกินค่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ผิวหนังและเยื่อบุ

เมื่อตรวจตู้คอนเทนเนอร์ที่ไหม้พบว่า บรรทุกสาร สาร CALCIUM HYPOCHLORITE UN 1748 Class 5.1 เป็นสารเคมีส่วนผสมหลักของผลิตภัณฑ์ผงฟอกขาว แต่ไม่ได้มีจุดหมายปลายทางขนลงที่ท่าเรือแหลมฉบัง ไฟไหม้ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บจากการสูดดมอากาศเข้าไปและถูกสารเคมีที่ลอยมาเป็นสายฝนตกใส่ จำนวนกว่า 150 ราย ส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านได้แล้ว

26 พ.ค. กรมควบคุมมวลพิษ พร้อมสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 13 และสำนักงานทรัพยากรกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง และปภ.ชลบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบสารเคมีในตู้คอนเทนเนอร์ 13 ใบ ซึ่งเป็นสารเคมีอันตราย ได้แก่ ผงแคลเซียมไฮโปรคลอไรต์ (calcium hypochlorite )13 ตู้คอนเทนเนอร์ สารคลอริเนเตท พาราฟิน แวกซ์ แบบของเหลว จำนวน 5 แทงค์

เรือโทกลมศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่าสารเคมีอันตรายที่ เรือ KMTC Hongkong หลบเลี่ยงขนมาไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบก่อน ตู้ที่เกิดระเบิดจริงๆ แล้วจะไปนำส่งปลายทางที่ ท่าเรือยูนิไทยฯ จ.สมุทรปราการ

 ค่าความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น เรือโทกลมศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า เจ้าของสินค้าต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด